Rh

หมู่เลือด Rh คืออะไร? แบ่งเป็นกี่ประเภท?

มีคำถามจากผู้ปกครองที่พาบุตรหลานเข้ามาตรวจหมู่เลือดหลายท่านว่า หมู่เลือด Rh คืออะไร วันนี้แอดมินจะมาอธิบายเรื่องนี้กันนะคะ

หมู่เลือดที่สำคัญมีอยู่ 2 ระบบนะคะ คือหมู่เลือด ABO และ หมู่เลือด Rh ซึ่งเราจะเห็นหมู่เลือด 2 ระบบนี้เป็นหลัก ในผู้ที่เป็นผู้บริจาคเลือดเอง มักจะคุ้นเคยกับหมู่เลือด 2 ระบบนี้ เพราะเวลาที่เราทำการบริจาคเลือด ทางกาชาด หรือหน่วยรับบริจาคจะต้องทำการตรวจเช็กหมู่เลือดทั้ง 2 ระบบนี้ แต่บุคคลทั่วไปอาจจะรู้จักเฉพาะหมู่เลือด ABO บางคนไม่รู้จักระบบ Rh เลยก็มี งั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักระบบ Rh กันนะคะ

เริ่มต้นกันที่ รู้จักหมู่เลือดทั้ง 2 ระบบกันก่อนค่ะ

1. หมู่เลือด ABO จำแนกตามแอนติเจน A และ B (Antigen A,B) ได้แก่หมู่เลือด A,B,AB และ O โดยมีสัดส่วนหมู่เลือดเรียงจากมากไปน้อย O 38%, B 34%, A 21% และ AB 8%

2. หมู่เลือด Rh แบ่งเป็น 2 ประเภท ตามการมีแอนติเจน D (Antigen D) ทีเม็ดเลือดแดง

🔷Rh+ (Rh Positive) คือแอนติเจน D อยู่ที่เม็ดเลือดแดง ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ประมาณ 99% จะเป็น Rh+

🔶Rh- (Rh Negative) คือไม่มีแอนติเจน D ที่เม็ดเลือดแดง ในคนไทยพบแค่ประมาณ 0.3% เท่านั้น จึงเป็นหมู่เลือดที่หายาก … ไม่ได้ยากธรรมดา ยากมากเลยล่ะค่ะ เวลาที่ตรวจหมู่เลือดของลูกค้าแล้วพบว่า Rh- แล้วมีโอกาสได้พูดคุยกับลูกค้าจะบอกว่า

📌“หากมีโอกาสเชิญบริจาคเลือดที่ศูนย์รับบริจาคนะคะ เพราะเลือดคุณหายาก มีค่ามากค่ะ”

การระบุหมู่เลือดของแต่ละคน จะรายงานทั้ง 2 ระบบคู่กัน ระบบ ABO ต่อด้วยระบบ Rh เช่น A+(ABO = A, Rh = Positive) , O- (ABO = O, Rh = Negative)

ความสำคัญของหมู่เลือดพิเศษ หรือหมู่เลือด Rh – คือ สำหรับผู้ที่หมู่เลือด Rh- หากจำเป็นต้องรับเลือด เช่น ผ่าตัด เกิดอุบัติเหตุ จำเป็นต้องรับเลือดที่เป็น Rh- เหมือนกัน เพื่อป้องกันการกระตุ้นให้สร้าง แอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกันต่อหมู่เลือด D หรือ Rh นั่นเอง

แต่หากว่าฉุกเฉิน หาเลือดที่เป็น Rh- ไม่ได้จริง ๆ จำเป็นต้องรับเลือดที่เป็น Rh+ ก็จะรับได้เพียงครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้น เพราะหากมีการรับ Rh+ ครั้งที่สอง ร่างกายจะสร้างแอนติบอดีทำลายเม็ดเลือดแดงที่มี Rh+ หรือมีแอนติเจน D อาจทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว

ส่วนอีกกรณีที่สำคัญคือ คุณแม่ที่มีหมู่เลือดเป็น Rh- คือ เนื่องจากหมู่เลือดเป็นลักษณะที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หากคุณพ่อมีหมู่ Rh+ ส่งผลให้ลูกใรครรภ์มีโอกาสที่จะมีหมู่เลือด Rh+ เหมือนคุณพ่อ เช่นเดียวกับกรณีการรับเลือด คือหากลูกคนแรกมี Rh+ เลือดลูกจะไปกระตุ้นให้เลือดที่ไม่มีแอนติเจน D แล้วสร้างแอนติบอดีต่อ แอนติเจน D ในเม็ดแดงของลูก ลูกคนแรกจะปลอดภัย คนถัดไป มีหมู่เลือด Rh- จะไม่มีปัญหา แต่หากมีลูกคนถัดไปที่มี Rh+ เลือดแม่ที่มีแอนติบอดีต่อแอนติเจน D อยู่ จะเข้าทำลายเม็ดเลือดแดงของลูก เกิดอาการตาเหลือง ตัวเหลือง บางรายรุนแรงถึงเสียชีวิตในครรภ์ได้

เพราะฉะนั้นในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ จำเป็นต้องมีการฝากครรภ์และตรวจหมู่เลือด เพื่อตรวจเช็กความเสี่ยงในการเกิดอันตรายกับลูกในครรภ์ได้

🧬มาถึงประเด็นสุดท้าย การถ่ายทอดทางพันธุกรรมของหมู่เลือด Rh โดยยีน D เป็นยีนที่ทำให้เรามีหมู่เลือด Rh+ หากเราไม่มียีน D ก็จะมีหมู่เลือด Rh-

สรุปง่าย ๆ คือ คนที่มียีน D คือ DD, Dd (Rh+) และคนที่ไม่มียีน D คือ dd (Rh-)

โอกาสของลูกที่จะมีหมู่เลือด Rh แบบใด ขึ้นอยู่กับพ่อและแม่ที่มีหมู่เลือด Rh แตกต่างกันดังนี้ค่ะ

1. พ่อและแม่ Rh+ แบบมียีนด้อยแฝงอยู่ พ่อ Dd, แม่ Dd โอกาสที่ลูกจะมี Rh+ เป็น 75% และลูกเป็น Rh- เป็น 25%

2. พ่อหรือแม่ คนใดคนหนึ่งมี Rh+ แบบมียีนด้อยแฝง (Dd) อยู่ และอีกคนมี Rh- (dd) โอกาสที่ลูกจะมี Rh+ เป็น 50% และลูกเป็น Rh- เป็น 50%

3. พ่อและแม่ Rh- ลูกก็จะมีโอกาสเป็น Rh- แบบ 100% ค่ะ

รู้ที่มาที่ไปของหมู่เลือด Rh กันแล้วนะคะ ใครที่กำลังสงสับว่าตัวเองหมู่เลือดอะไร สามารถตรวจเช็กได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านเลยค่ะ ถ้าตรวจแล้วเป็นหมู่เลือดหายาก เช่น AB ไม่ว่าจะ AB+ หรือโดยเฉพาะ AB- เชิญบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริจาคใกล้บ้านท่านได้เช่นกันนะคะ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้บริจาคก่อนไปบริจาคเลือดนะคะ

ติดต่อสอบถาม หรือ นัดหมายได้ที่

มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช
เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
นุชรัตน์เฮลท์แลป สาขา หัวนา

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความยอดนิยม

You cannot copy content of this page