เรามักจะได้ยินว่า ดื่มน้ำ เยอะ ๆ ดีต่อร่างกาย แต่ ดื่มน้ำ แค่ไหนถึงพอ
แน่นอนว่าการที่ร่างกายเราได้รับน้ำอย่างเพียงพอนั้นเป็นสิ่งที่ดี โดยแต่ละคนจะมีความต้องการปริมาณน้ำที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ น้ำหนักตัว และกิจวัตร ที่ส่งผลให้เกิดการสูญเสียน้ำที่ต่างกัน
การ ดื่มน้ำ เปล่าทีละเยอะ ๆ นั้น มักจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ยิ่งดื่มเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เราปวดปัสสาวะเร็วมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ร่างกายของคุณไม่มีเวลาเก็บน้ำที่นำไปใช้ในย่อยอาหารและดูดซึมเพื่อเติมเชื้อเพลิงให้กับอวัยวะและระบบต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ การดื่มน้ำอย่างรวดเร็วและในปริมาณมากจะทำให้น้ำลายเกิดการเจือจาง เนื่องจากน้ำลายช่วยกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ดังนั้นหากดื่มน้ำในปริมาณมาก ๆ ทีเดียว กระเพาะอาหารจะไม่ย่อยและไม่สามารถดูดซึมได้อย่างถูกวิธี
การดื่มน้ำที่ถูกวิธีตามรายงานของ ดร. ลีโอนาร์ด ศัลยกรรมแพทย์ระบบทางเดินอาหาร หลอดเลือด และศัลยแพทย์ทั่วไปกล่าวว่า
“การจิบน้ำเบา ๆ ประมาณ 1 แก้ว ทุกชั่วโมง ทีละน้อยตลอดวัน เพราะช่วยดับกระหายน้ำได้”
อีกหนึ่งแหตุผล ที่ทำไมการดื่มน้ำอย่างรวดเร็วถึงเป็นความคิดที่ไม่ดี มีหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็น อาจทำให้เกิดการเสียชีวิตจากการขาดออกซิเจน สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้เมื่อดื่มน้ำปริมาณมากอย่างรวดเร็ว เพราะน้ำจะไปทำให้โซเดียมในร่างกายเจือจางลง ซึ่งทำให้มีน้ำในเซลล์มากเกินไป ส่งผลให้ร่างกายเกิดการบวมน้ำได้ ดังนั้นจึงควรจิบน้ำอย่างช้า ๆ แม้จะกระหายน้ำก็ตาม
และอีกเกร็ดความรู้หนึ่ง คือการดื่มน้ำทันทีหลังอาหารมื้อใหญ่ไม่ดีต่อร่างกาย เนื่องจากเมื่อมีการรับประทานอาหาร กระเพาะจะเริ่มทำงาน ซึ่งมีกระบวนการหลายอย่างเพื่อเริ่มการย่อย ทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักเพื่อย่อยอาหาร ร่างกายจะดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารต่าง ๆ ที่จำเป็นได้ ดังนั้นหากเราดื่มน้ำตามมากๆหลังมื้ออาหาร น้ำจะไปเจือจางน้ำย่อย ทำให้ระดับอินซูลินเพิ่มขึ้นและกระบวนการจะหยุดชะงัก ซึ่งจะทำให้อาหารไม่ย่อย
เพราะฉะนั้น หากดื่มน้ำในระหว่างมื้ออาหารแบบช้า ๆ และจิบทีละน้อย หรือไม่ ก็ให้รอ 1-2 ชั่วโมง หลังทานอาหารเสร็จค่อยดื่มน้ำตาม หรือไม่ก็ให้ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารประมาณ 40 นาที
น้ำเป็นสิ่งจำเป็น! สำคัญ! และขาดไม่ได้! แต่น้อยไปก็ไม่ได้ มากเกินไปก็ไม่ดี ดื่มไม่ถูกวิธีก็แย่
…
สัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ
- มีอาการกระหายน้ำ ปากแห้ง คอแห้ง
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย รู้สึกไม่สดชื่น เพราะน้ำเป็นตัวลำเลียงออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือด เมื่อร่างกายขาดน้ำร่างกายก็จะมีออกซิเจนไม่เพียงพอ เลือดก็จะหนืดข้นขึ้นซึ่งยิ่งส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย
- ปัสสาวะน้อย มีสีเข้มและกลิ่นแรง
- ชีพจรเต้นเร็ว หายใจหอบถี่
- ปวดหัว วิงเวียนศีรษะ มึนงง เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบหลักของสมอง เมื่อร่างกายขาดน้ำสมองจะขาดความชุ่มชื้นและหดตัวลง แล้วไปกระตุ้นให้เรารับรู้ถึงความเจ็บปวด รวมทั้งเมื่อร่างกายขาดน้ำระดับเลือดในร่างกายจะลดลง ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานไม่ดี ส่งผลให้การส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอแล้วทำให้เส้นเลือดในสมองขยายจนเกิดการบวมและอักเสบ ส่งผลให้เราปวดศีรษะมากขึ้นไปอีก
- ความดันโลหิตต่ำ บางรายอาการอาจรุนแรง จนถึงอาการชักได้
- เมื่อเราดื่มน้ำน้อย ตับ ไตหัวใจ ระบบย่อยอาหารจะทำงานหนักขึ้นขึ้นทั้งหมด อาจจะอันตรายถึงชีวิตได้
ยิ่งตอนนี้แล้วเทรนรักสุขภาพกำลังมาแรง การออกกำลังกายเป็นทางเลือกที่หลายคนหันมาให้ความสำคัญ นอกจากร่างกายจะสูญเสียน้ำไปกับปัสสาวะแล้วการออกกำลังกายก็เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเราสูญเสียน้ำ
ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณดื่มน้ำในปริมาณมากแล้วแต่ยังมีอาการเหมือนคนขาดน้ำ อาจจะเกิดจากสมดุลน้ำ เกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ คุณควรเข้ารับการตรวจเลือดและปัสสาวะเพื่อดูสมดุลของเกลือแร่ในร่างกายแล้วล่ะ และแม่ไหร่ที่เกิดอาการ กระหายน้ำอย่างรุนแรง รู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ ไม่ปัสสาวะเลย หัวใจและชีพจรเต้นเร็ว ควรพบแพทย์ด่วนเลยนะคะ
ออกกำลังกายดีต่อสุขภาพ แต่อย่าลืมว่าคุณกำลังสูญเสียน้ำและเกลือแร่ที่เกินปกติทั่วไป เพราะฉะนั้นรักจะออกกำลังกาย อย่าลืมดื่มน้ำและเกลือแร่ให้เหมาะสมด้วยนะคะ