วันนี้ผมอยากนำเรื่องราวของการ ออกกำลังกาย มาฝาก ผมเชื่อว่าหลายท่าน น่าจะรู้จักกันอยู่แล้วแต่ผมอยากนำเรื่องราวที่หลายๆ ท่านน่าจะยังไม่รู้มาฝากครับ
การ ออกกำลังกาย หลักๆ มี 2 ประเภทครับ ประเภทแรกเป็นการออกกำลังกายแบบแอนแอโรบิค (Anaerobic) เป็นการออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจนช่วยในการเผาผลาญพลังงานเป็นการระเบิดพลังงานในเวลาสั้นๆ เช่น การเล่นเวทหรือ ยกน้ำหนัก (Weight Training) กล้ามเนื้อที่ได้จากการออกกำลังกายประเภทนี้จะเป็นมัดกล้ามเนื้อขาว ซึ่งจะระเบิดพลังงานสูงสุดในระยะเวลาสั้นๆ และพลังงานที่นำมาเผาผลาญไม่ใช่ไขมัน แต่จะเป็นพลังงานสะสมที่ร่างกายเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อและตับ (Glycogen-ไกลโคเจน) ซึ่งในระยะยาวกล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้นจากการออกกำลังกายแบบ Weight Training จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี แม้ขณะนั่งอยู่เฉยๆหรือนอนหลับครับ การออกกำลังกายอีกประเภทเป็นการออกกำลังกายแบบ แอโรบิค (Aerobic ) เป็นการออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจนช่วยในการเผาผลาญไขมันไปใช้เป็นพลังงาน เป็นการออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป มีความต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 25 นาที เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค กล้ามเนื้อที่ได้จากการออกกำลังกายประเภทนี้ คือ มัดกล้ามเนื้อแดง ซึ่งจะเน้นความทนทาน เป็นการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมัน
ส่วนเกินหากเราต้องการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ที่เราจะได้ยินตอนนี้คือ การทำ คาร์ดิโอ (Cardio) เป็นการออกกำลังกายแบบเน้นอัตราการเต้นของหัวใจให้ไปถึงเป้าที่ตั้งไว้ หรือTarget Heart Rate (THR)
โดยการออกกำลังกายแบบนี้ เช่น การวิ่ง, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน โดยการทำ Cardio นั้นจะมี 4 ระดับคือ แบบ Low Intensity THR ที่ 55
% – 65%, Medium Intensity THR ที่ 65% – 75%, High Intensity THR ที่ 75% – 85% และ Extra Intensity THR ที่
90% – 95% สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นควรจะเริ่มจากระดับ Low ก่อน แล้วค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปครับ ตัวอย่างของการทำ Cardio ระดับ Low เช่นการเดินเร็ว หรือ วิ่งเหยาะ ให้ระดับอัตราการเต้นของหัวใจขึ้นไปถึง THR อยู่ที่ 55% – 65% อย่างที่กล่าวมาแล้ว โดยผมมีสูตรคำนวณการเต้นของหัวใจสูงที่สุดที่ร่างกายเรารับได้มาฝาก ซึ่งการคำนวณจะขึ้นอยู่กับอายุของผู้ที่ออกกำลังกายครับ
สูตรการคำนวณ “ 220 – อายุ (ปี) = อัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate) ต่อนาทีสูงสุดที่ร่างกายรับได้”
พอเราได้สูตรเราก็นำเปอร์เซ็นต์ในแต่ละระดับมาคิดก็จะได้เป้าที่เราต้องการในแต่ละระดับครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับกับเรื่องราวของการออกกำลังกายแต่ยังไม่หมดเท่านี้นะครับ ฉบับหน้าผมมีเรื่องของช่วงเวลาในการออกกำลังกายว่าแต่ละช่วงจะต่างกันอย่างไร หรือเราควรจะออกกำลังกายช่วงไหนมาฝากกันครับ
สนใจการตรวจสุขภาพสอบถามได้ที่ healthlabclinic