CD4 คืออะไร แล้วมีความสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ HIV อย่างไร วันนี้เรามาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันแบบง่าย ๆ นะคะ
เริ่มต้นกันที่ CD4 หรือ Cluster of differentiation 4 คือเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น Glycoprotein อยู่บนผิวเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที่ทำงานเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย หรือ T-helper โดยหน้าที่ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน ต้านทานและกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะพวกเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส
CD4 ไม่ได้มีความสำคัญแค่กับผู้ติดเชื้อ HIV เท่านั้น เพราะทุกคนต้องมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งเพียงพอ ที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคที่จ้องจะเข้ามาทำร้ายเรา แต่ในผู้ที่ติดเชื้อ HIV ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก เพราะว่า เชื้อ HIV ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อมีระบบภูมิคุ้มกันที่ลดต่ำลง เพราะมันไปทำลายภูมิต้านทานในร่างกาย ดังนั้นผู้ติดเชื้อ HIV จำเป็นต้องประเมินภูมิต้านทานของตัวเอง ด้วยการตรวจปริมาณเม็ดเลือดขาว ที่เรียกว่า CD4 เพื่อดูระดับภูมิต้านทานของร่างกาย ซึ่งระดับ CD4 ของผู้ป่วย จะเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับการวางแผนการรักษา และการดูแลตัวเองต่อไป
วิธีการตรวจ CD4 ทำได้โดยการเจาะเลือดเช็ก CD4 count โดยค่าที่วัดได้จะบ่งบอกระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย CD4 ยิ่งต่ำ ภูมิยิ่งบกพร่องมาก หรือพูดง่าย ๆ ว่า CD4 ยิ่งต่ำ ยิ่งติดเชื้ออื่น ๆ ได้ง่าย ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อฉวยโอกาสอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้นและกลายเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์ (AIDs)
ทั้งนี้ค่า CD4 ทั้งของผู้ติดเชื้อ HIV และคนปกติ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงได้ตามสภาพร่างกายในขณะนั้นได้ในแต่ละวัน เช่น ในช่วงที่ไม่สบาย หรือในช่วงวันที่พักผ่อนไม่เพียงพอ
(ค่าปกติของผู้ที่ไม่ติดเชื้อ HIV จะมี CD4 อยู่ประมาณ 500 – 1,500 ต่อเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร)
แล้วค่า CD4 ที่เท่าไหร่ถึงเรียกว่าระดับน่าเป็นห่วง ?
สภาวะที่ CD4 ต่ำ มักพบในผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งหากตรวจวัดแล้วอยู่ในระดับที่ CD4 ต่ำกว่า 200 ก็จะมีโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ เรียกว่า โรคติดเชื้อฉวยโอกาสเนื่องจากภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งรุนแรงจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งหากผู้ที่ติดเชื้อ HIV ได้รับยาต้านไวรัสต่อเนื่อง ค่า CD4 ก็สามารถเพิ่มขึ้นจนเริ่มคงที่อยู่ที่ระดับ 500 – 600 ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพทางร่างกายของแต่ละคน แต่ถึงอย่างไรแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหรือผู้ที่มีร่างกาย
ปกติ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนที่เพียงพอก็จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีได้
นอกจากผู้ติดเชื้อ HIV แล้ว ใครบ้างที่ควรได้รับการตรวจ CD4 ?
– การตรวจ CD4 จะทำในผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะต่าง ๆ เพราะการที่มี CD4 สูง จะทำให้การปลูกถ่ายอวัยวะล้มเหลวได้ เนื่องจากเกิดการต่อต้านอวัยวะที่ถูกปลูกถ่าย ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะจะต้องกินยากดภูมิคุ้มกันเพื่อลดปริมาณ CD4 ในร่างกายและเพิ่มความสำเร็จในการปลุกถ่ายอวัยวะ
– การตรวจ CD4 ร่วมกับ CD8 เป็นการตรวจเพื่อวินัจฉัยและประเมินการรักษาในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
– การตรวจปริมาณ CD4 ในผู้ป่วยโรคทางพันธุกรรม DiGeorge syndrome (ดิ – จอร์ช) เนื่องจากโรคทำให้ทารกที่เกิดมามีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ท้ายนี้คิดว่าหลายคนคงเข้าใจในเรื่องของความสัมพันธ์ CD4 กับ HIV มากขึ้นนะคะ ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามเข้ามาได้นะคะ ทุกช่องทางการติดต่อเลยค่ะ