ไต ของเรามีรูปร่างคล้ายถั่ว อยู่บริเวณใต้ชายโครงด้านหลังทั้ง 2 ข้าง
โดยปกติหน้าที่ของ ไต คือช่วยปรับโซเดียมในร่างกายให้สมดุล แต่หากร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณที่สูงเกิน…จนไตไม่สามารถขับออกได้ทัน ก็จะเกิดโซเดียมสะสมในเลือดสูง
ส่งผลให้ร่างกายเก็บรักษาน้ำมากขึ้น น้ำในหลอดเลือดจึงเพิ่มขึ้น ไตจึงต้องทำงานหนักเพื่อจะพยายามขับโซเดียมและน้ำส่วนเกินออก
สิ่งที่ตามมาก็คือ ทำให้เกิดความดันสูงขึ้นในหน่วยไต และเมื่อระดับความดันสูงขึ้น ก็จะก่อให้เกิดแรงดันในกลุ่มหลอดเลือดฝอยที่อยู่ในเนื้อไต เมื่อแรงดันสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้เกิดการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะ นำไปสู่ภาวะไตเสื่อมเร็วขึ้น
แม้ว่าการกินเค็มหรือกินอาหารที่มีโซเดียมสูงก็เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคไตได้มาก แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจนำไปสู่โอกาสเป็น “โรคไต” ในอนาคตได้เช่นกัน
- การทานอาหารรสจัด นอกจากอาหารเค็มจัดแล้ว การทานหวานจัดก็ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นสาเหตุให้ไตทำงานหนักได้เหมือนกัน
- การไม่ออกกำลังกาย เพราะการไม่ออกกำลังกายนำมาซึ่งโรคเรื้อรังต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ หรือความดันในเลือดสูง ซึ่งสามารถส่งผลให้ไตทำงานหนัก…จนเกิดปัญหาไตเสื่อมเร็วได้
- ดื่มน้ำน้อยเกินไป เพราะไตมีหน้าที่ในการฟอกของเสียในร่างกาย ซึ่งต้องใช้น้ำเป็นตัวนำพาไปสู่กลไกการกรองของไตจนกลายมาเป็นปัสสาวะ หากดื่มน้ำน้อยเกินไป ไตอาจขับของเสียได้ไม่หมด เกิดของเสียคั่ง สะสมไปนานๆ จนตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่ว หรือโรคนิ่วในไตได้นั่นเอง
สังเกตตัวเองหากมีอาการเหล่านี้…..ถึงเวลา ตรวจเช็คสุขภาพไต
- ขาและเท้าทั้งสองข้างบวม เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย อ่อนแรง
- ปวดหลัง ปวดบั้นเอวบริเวณชายโครง อาจร้าวไปถึงท้องน้อย
- ปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะมีเลือดปน ปัสสาวะเป็นฟองสีขาวๆ หรือปัสสาวบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน
เพราะ “ไต” เป็นอวัยวะที่ต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด เราจึงควรใส่ใจดูแลสุขภาพไตด้วยการลดเลี่ยงพฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยง หากปล่อยจนไตเสื่อม… มันอาจจะสายเกินกว่าจะกลับมาฟื้นฟูได้ทัน!!