ปกติอาการของ โรคไต จะแสดงเมื่อเนื้อไตเสียไปแล้ว 70% และเนื้อไตที่เสียไปแล้ว ไม่สามารถรักษาให้กลับมาดีอย่างเดิมได้ แพทย์จึงพยายามรักษาส่วนของเนื้อไตที่เหลืออยู่ 30% นั้นให้อยู่กับร่างกายได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถาม : โรคไต สามารถรักษาเป็นวิธีอื่นได้หรือไม่? อย่างแพทย์ทางเลือก แพทย์แผนไทย พวกยาสมุนไพรโบราณ อันนี้พอจะเป็นไปได้ไหม ?
ตอบ : อาจจะต้องมีงานวิจัยรองรับหรืออย่างน้อยก็ต้องมีตัวเลขแสดงนัยยะสำคัญทางสถิติของผู้ที่เข้ารับการรักษาให้เห็นด้วยครับ อย่างที่ผมบอกข้างต้นว่าอย่างมากก็ช่วยชะลอและยืดเวลาการเสื่อมของไตเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง
ผมจะลองเปรียบการทำงานของไต ให้ดูเข้าใจง่ายขึ้นนะครับ
ไตก็เหมือนกับตู้ปลาที่ต้องมีการเปลี่ยนน้ำเพื่อล้างของเสียที่เกิดจากกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายทิ้งอย่างเป็นประจำ เรากินอาหารเข้าไปส่วนมีประโยชน์ก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดและนำไปใช้ ส่วนของเสียในเลือดก็จะถูกขับออกจากร่างกายโดยผ่านทางไต ทีนี้ถ้าเรายังกินอาหารเข้าไปเหมือนเดิม แต่ไม่มีการขับออกจากร่างกายหล่ะ
เปรียบกับตู้ปลาที่ไม่เคยเปลี่ยนน้ำเลย ของเสียทุกอย่าง เศษอาหารก็จะหมักหมมอยู่ในตู้ปลา น้ำก็จะเน่าเสีย ต่อให้เราเติมอากาศลงไป เติมอาหารดีดีลงไป แต่ไม่เคยเปลี่ยนน้ำในตู้ ปลาก็อยู่ไม่ได้อยู่ดี เหมือนกับร่างกายของคนที่ถ้าไตพังแล้วขับของเสียออกไม่ได้ ของเสียก็จะคงอยู่ในเลือดที่ไหลเวียนไปทุกอวัยวะของร่างกายและของเสียก็จะไปตกค้างยังอวัยวะต่าง ๆ ทีนี้ก็ไม่ใช่แค่ไตพัง อวัยวะอย่างอื่นก็พังด้วย เหมือนกับตู้ปลาที่ไม่ใช่แค่ปลาจะตายแต่ระบบนิเวศน์อื่น ๆ ก็จะพังไปด้วย
วิธีแก้ไขคือ การเปลี่ยนถ่ายของเสียออกจากเลือด หรือ การเปลี่ยนน้ำให้กับตู้ปลานั่นเอง
การรักษา โรคไต
ปกติหนทางรักษาโรคไตของการแพทย์แผนปัจจุบัน หลักๆ จะมุ่งเน้นไปที่
1. รักษาเนื้อไตส่วนที่เหลืออยู่ให้สามารถทำงานได้นานที่สุด
2. เอาของเสียออกจากร่างกายด้วยวิธีการฟอกเลือด
3. ดูแลการบริโภคของผู้ป่วย เช่น หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ไตต้องทำงานหนัก เป็นต้น
และทางเลือกสุดท้ายก็คือ การเปลี่ยนไต ซึ่งไม่ใช่แค่มีเงินแล้วจะทำได้ แต่คุณต้องมีโชคด้วย หมายถึง ต้องหาไตที่สามารถเข้ากับร่างกายของคุณได้ด้วย และนั่น ก็อาศัยโชคจริง ๆ
การดูแลตัวเองเบื้องต้นจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการป้องกันตัวเองจากโรคร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
ดังนั้น การตรวจสุขภาพประจำปี จึงเป็น Proactive plan หรือ การวางแผนการดูแลสุขภาพล่วงหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำได้ง่ายยิ่งกว่าการรักษาโรคที่เกิดขึ้นไปแล้วเสียอีก การตรวจเลือดเพื่อดูค่า Creatinine, BUN และ eGFR ซึ่งเป็นค่าบ่งชี้ภาวะการทำงานของไตในการกรองและขับของเสีย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้เราได้วางแผนการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพไตในอนาคตได้อีกด้วย
เครดิต : กลุ่มไลน์ สมรรถภาพเด็กเทพฯ 1
สนใจการตรวจสุขภาพสอบถามได้ที่ healthlabclinic หรือ มหาชัยทีแแอลซี