ตรวจหาเชื้อ HIV

เชื้อ HIV ตรวจหาด้วยวิธีใดบ้าง?

เนื่องจากมีคำถามเข้ามามากมายเรื่องการตรวจหาเชื้อ HIV ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น

  • ตรวจได้เร็วที่สุดหลังเสี่ยงกี่วัน
  • ไม่ได้ป้องกัน หรือถุงยางแตกเสี่ยงติดแค่ไหน
  • ใช้ห้องน้ำ ใช้ของร่วมกันกับผู้มีเชื้อ มีโอกาสติดมาน้อยแค่ไหน
  • จูบกัน หรือ Oral sex มีโอกาสติดหรือไม่
  • วิธีการตรวจแบบไหนเชื่อถือได้มากที่สุด
  • วิธีการตรวจไหนตรวจได้เร็วที่สุด
  • ตรวจผลออกมาเป็นลบแล้ว…ยังมีคำถามต่อว่าเชื่อถือได้มากแค่ไหน เอิ่ม – –

แอดมินจึงอยากเขียนเรื่อง HIV (อีกแล้ว) …เฮ้อ อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ

ระยะที่น่ากลัวมากที่สุด คือช่วงที่เพิ่งสัมผัสเชื้อมา หรือเพิ่งติดมาเรียกว่าช่วง Window period อยู่ในช่วงประมาณ 3-4 สัปดาห์แรกหลังรับเชื้อ ไม่สามารถตรวจเจอภูมิคุ้มกันต่อเชื้อได้เพราะปริมาณเชื้อ-ภูมิต่ำมาก บางทีแม้กระทั่งวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ (NAT) ก็ยังมีบางทีที่ตรวจไม่พบ ทำให้มีโอกาสส่งต่อเชื้อไปให้ผู้อื่นสูงมาก

ในปัจจุบันมีการตรวจการติดเชื้อ HIV อยู่ 2 แบบ

  1. Direct Testing เป็นการตรวจหาเชื้อ HIV Antigen โดยตรงมี 2 วิธี อาจตรวจพบได้ในช่วง Window period แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่นจำนวนเชื้อที่ได้รับ การตอบสนองต่อเชื้อของแต่ละคน ไม่เท่ากัน
  • NAT (Nucleic Acid Testing) หลักการ PCR ตรวจพวก Acute infection หรือเพิ่งติดมาใหม่ๆ ตรวจได้หลังติดเชื้อ 7-14 วัน ใช้ในการตรวจเลือดที่รับบริจาค กาชาด
  • HIV p24 Ag ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเชื้อ HIV สามารถตรวจได้ในระยะที่ยังไม่มีการสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibody) โดย WHO กำหนดเกณฑ์อยู่ที่ 2 IU/mL. ตรวจได้หลังติดเชื้อประมาณ 2-4 สัปดาห์ หรือ 16 วัน
  1. Indirect Testing เป็นการตรวจการติดเชื้อทางอ้อม โดยตรวจหาภูมิคุ้มกัน (Antibody) ที่สร้างต่อเชื้อ ในปัจจุบันสามารถตรวจได้หลังติดเชื้อที่ 3-4 สัปดาห์ ถ้านับตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันพัฒนามาจนถึง Gen 3

สำหรับคำถามถึงชุดตรวจ Gen 3 กับ Gen 4 ต่างกันอย่างไร (ไม่ขอพูดถึง Gen 1-2 ที่ไม่ใช้กันแล้วนะคะ)

  • Gen 3 (Third generation) คือการตรวจหา antibody ทั้ง IgM และ IgG ซึ่งตรวจได้หลังติดเชื้อ 3-4 สัปดาห์ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเพื่อการวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV
  • Gen 4 (Forth generation) คือการตรวจหาทั้ง Antigen (p24) และ Antibody ในเวลาเดียวกัน ทำให้มีความไวสูงขึ้น

คิดว่าคงได้ข้อมูลเพียงพอที่จะเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมกับตัวเอง อยากรู้เร็วก็ NAT แต่ส่วนตัวแล้วแอดมินคิดว่าถ้าตัวผู้เสี่ยงเองป้องกันทุกครั้งด้วยการสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งคงไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะติดไม่ติด ตรวจได้เร็วที่สุดกี่วัน แล้วต้องตรวจซ้ำอีกทีเมื่อไหร่ แต่บางทีเรื่องนี้ก็พูดยากในกรณีสามี-ภรรยา คงไม่มีใครมาป้องกัน แต่ก็เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้เกิดการกระจายของเชื้อที่ตรวจพบในหญิงตั้งครรภ์

และที่อยากจะฝากทุก ๆคนที่บริจาคเลือดเพื่อต้องการเช็ค HIV ว่าถ้าคุณเป็นคนนึงที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อมา อย่าเพิ่งมาบริจาคเลือด เวลาที่เราไปบริจาคเลือดจะต้องกรอกแบบฟอร์มก่อนเข้ารับบริการ กรุณาตอบตามความเป็นจริง เพราะอะไร…

อย่าลืมว่าช่วง Window period แรกๆเป็นช่วงที่อาจจะตรวจไม่พบเชื้อแม้กระทั่งการตรวจด้วย NAT (ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบัน)แต่ก็พบน้อยมาก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ กรณีที่กลุ่มเสี่ยงเพิ่งไปเสี่ยงมาแล้วบริจาคเลือด ทำให้มีโอกาสที่จะตรวจไม่พบเชื้อ เมื่อเลือดถุงนั้นส่งผลต่อไปถึงผู้รับบริจาค คุณคิดว่าเค้าจะเป็นอย่างไร แล้วถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่คุณรู้จัก เป็นญาติ เป็นคนที่คุณรักล่ะ เหตุการณ์แบบนี้เคยเจอกันมาแล้ว ฟ้องร้องค่าเสียหายกันไป แต่คงไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องสูญเสีย .. และท้ายที่สุดก็คงไม่มีใครจะมีความสุข

ติดต่อสอบถาม หรือ นัดหมายได้ที่

มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช
เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
นุชรัตน์เฮลท์แลป สาขา หัวนา

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความยอดนิยม

You cannot copy content of this page