กระเพาะปัสสาวะ อักเสบ หลาย ๆ คนเข้าใจดีว่า เกิดมาจากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือแม้กระทั่งเชื้อไวรัส ซึ่งการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะนั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
• การติดเชื้อปัสสาวะส่วนบน เช่น การติดเชื้อที่ไต อาการมักจะรุนแรง
• การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง เช่น การติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะที่เรามักจะคุ้นกับคำว่า กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
กระเพาะปัสสาวะ อักเสบมักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
เนื่องด้วยผู้หญิงมีท่อปัสสาวะที่สั้นกว่า และตำแหน่งอยู่ใกล้กับทวารหนัก
สถิติการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะเกือบทั้งหมดเกิดจากเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่นที่พบในอุจจาระ (ทำไมเรียกเชื้อประจำถิ่น ?
เพราะว่ามันพบอยู่ทั่วไปบริเวณนั้น ๆ ของร่างกาย คอยปกป้องเชื้อโรคมารุกรานบริเวณที่มันอาศัยอยู่ไม่ก่อโรคบริเวณที่ตัวเองอยู่ แต่อาจไปก่อโรคบริเวณอื่น ๆ ตำแหน่งอื่นในร่างกายน่ะสิ) และเชื้อที่มักก่อให้เกิดอาการที่รุนแรง ส่วนใหญ่มักจะมาจากเชื้อ E.coli และ P.mirabilis
สาเหตุที่ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบโดยส่วนใหญ่มักเกิดจากปัจจัยส่งเสริม ไม่ว่าจะเป็น
- การนำเชื้อจากอุจจาระเข้าไปในช่องคลอดหลังเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วเช็ดทำความสะอาด โดยใช้กระดาษชำระปาดจากด้านหลังมาด้านหน้า พาเชื้อจากทวารหนักมาด้วย
- ดื่มน้ำน้อย ส่งผลให้ไม่ปวดปัสสาวะ แบคทีเรียที่อาศัยในกระเพาะปัสสาวะก็จะเพิ่มจำนวน ออกลูกหลานเพิ่มเป็นครอบครัวใหญ่ แล้วอยู่ในกระเพาะปัสสาวะแบบเช่ารายวันไปเลย ซึ่งจริง ๆ ควรจะอยู่แค่ 2-3 ชม. เท่านั้น
- การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน กลับขึ้นไปอ่านข้อที่ 2
- การมีเพศสัมพันธ์ แล้วหลังมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ทำความสะอาด เป็นการรวมตัวของเหล่าเชื้อโรค
- ผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือบกพร่อง เพราะทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อ เช่นผู้ป่วยเบาหวาน
- ผู้ที่สวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้เชื้อประจำถิ่นนั้นลดจำนวนลงจนทำให้ป้องกันเชื้อที่ไม่ดีไม่ได้ (อย่าลืมว่าเชื้อประจำถิ่นนั้นอยู่ที่บริเวณนั้น สามารถป้องการการติดเชื้อจากเชื้ออื่น ๆ ที่มารุกรานได้)
- รวมไปจนถึงหญิงวัยหมดประจำเดือน ช่องคลอดแห้ง ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
เพราะฉะนั้นตั้งแต่ข้อ 1-6 หลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะนะคะ
ส่วนลักษณะอาการที่พบได้บ่อย สำหรับคนที่เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สังเกตได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ
- ปัสสาวะบ่อย แสบขัด ปัสสาวะไม่สุด
- ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย
- ปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นเหม็น อาจพบปัสสาวะเป็นเลือดได้ด้วย
- มีไข้หนาวสั่นแบบไม่ทราบสาเหตุ เพราะเชื้อบางชนิดที่มาอยู่ในกระเพาะปัสสาวะปล่อยพิษ Toxinออกมาได้
หากมีอาการคล้ายอาการข้างต้นแล้ว ควรไปตรวจปัสสาวะเพื่อเป็นการช่วยวินิจฉัยได้เบื้องต้น หากพบว่ามีเม็ดเลือดขาวที่สูงขึ้น และพบแบคทีเรียจำนวนมาก แพทย์อาจจะสั่งตรวจเพาะเชื้อ เพื่อดูชนิดของเชื้อและความไวต่อยา วิธีการนี้จะช่วยให้การวินิจฉัยเป็นไปในทางที่ถูกต้อง แม่นยำมากขึ้น ซึ่งจะช่วยการรักษาเป็นไปในทางที่ดีได้
ป.ล.ไม่ควรซื้อยามารับประมานเองนะคะ กินยาไม่ถูกกับเชื้อโรค เดี๋ยวเชื้อดื้อยา ไม่รู้ด้วยนะ
แต่เบื้องต้น เราสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการหลีกเลี่ยงสาเหตุข้อ 1-6 ที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว และอย่าปล่อยให้มันลุกลามขึ้นไปที่ไตส่วนบน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้ช็อกถึงขั้นเสียชีวิตได้
#คลินิก#แลบ#ตรวจ#เลือด#ปัสสาวะ#ร่างกาย#สุขภาพ#ประจำปี#ใบสั่ง#แพทย์#ก่อนเข้างาน#สมุทรสาคร#มหาชัย#ทีแอลซี#เฮลท์แลบ#ประจวบคีรีขันธ์#หัวหิน#หัวนา