ตรวจโควิด ในปัจจุบันมีแบบไหนบ้าง?
และเราควร ตรวจโควิด แบบไหนดี? วันนี้แอดจะมาแนะนำ เพื่อให้หายข้องใจกัน ^_^
1. การตรวจหาเชื้อ โควิด
การตรวจด้วยวิธี RT-PCR เป็นการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส
การตรวจแบบ #RT-PCR นี้ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ดีที่สุดสำหรับการตรวจหา #เชื้อโควิด 19 ในปัจจุบัน โดยมีหลักการตรวจแบบขยายจำนวนเชื้อหรือสารพันธุกรรมของไวรัสมาเพิ่มจำนวนให้มากขึ้น ถ้ามีเชื้ออยู่ ก็เพิ่มจำนวนให้มากขึ้นจนสามารถตรวจพบได้ โดยจะโชว์ค่า #CT ซึ่งหรือรอบของการทำ PCR นั่นเอง ยิ่ง CT ที่ต่ำแสดงถึงจำนวนเชื้อที่มาก แสดงถึงการมีเชื้อน้อยๆ ก็สามารถตรวจเจอได้
สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่เริ่มติดเชื้อ 3-5 วัน ทั้งที่ยังไม่มีอาการ
เก็บสิ่งส่งตรวจ #Nasopharyngeal swab (นิยมมากกว่า) หรือ #Throat swab ซึ่งเก็บยากกว่า ต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญในการเก็บสิ่งส่งตรวจ
ใช้เวลาในการตรวจค่อนข้างนาน
ปัญหาที่พบอีกเรื่องคือ สำหรับคนที่หายแล้ว แต่ยังสามารถตรวจพบซากเชื้ออยู่ได้นานถึง 50 วัน (จากการศึกษา) รู้ได้ยังไงว่าเป็นซากเชื้อ รู้เพราะว่า ลองเอาเชื้อไปเพาะหรือเลี้ยงเชื้อให้โต เหมือนปลูกต้นไม้ แต่มันไม่โต หรืองอกขึ้นมานั่นเอง
การตรวจด้วยวิธี Rapid test Antigen
การตรวจแบบนี้ #Rapid test มีข้อจำกัดว่าสามารถตรวจได้แค่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่สั้น ๆ คือ หลังติดเชื้อวันที่ 5-7 เท่านั้น ที่จะพบว่ามีเชื้อปริมาณมากพอที่จะตรวจพบได้ ซึ่งต่างจากการตรวจแบบ RT-PCR ที่ตรวจได้ตั้งแต่เพิ่งติดเชื้อได้เพียง 3-5 วัน และยาวไปจนถึง 14 วัน หรือนานกว่านั้น เพราะฉะนั้นการตรวจแบบนี้ อาจจะส่งผล False neagtive หรือผล “ลบลวง” ได้ หมายถึงมีเชื้อจริง แต่น้อยจนตรวจไม่พบ
เก็บสิ่งส่งตรวจ Nasopharyngeal swab (นิยมมากกว่า) หรือ Throat swab ซึ่งเก็บยากกว่า ต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญในการเก็บสิ่งส่งตรวจ
ได้ผลเร็วกว่าประมาณ 15-20 นาที
การตรวจด้วยวิธีนี้ จำเป็นต้องให้ข้อมูลกับผู้รับบริการให้ครอบคลุมนะคะ
2. การตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด
การตรวจแบบนี้เป็นการตรวจดูว่า มี #ภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด หรือไม่
ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ จะถูกร่างกายสร้างขึ้นเมื่อมีการติดเชื้อนั้น ๆ ในร่างกาย แล้วร่างกายจำเป็นต้องสร้างเกราะป้องกัน หรือที่เรียกว่าภูมิคุ้มกันเพื่อสู้กับเชื้อโรคขึ้นมา
เพราะฉะนั้นอนุมานได้ว่า คนที่ตรวจพบว่ามีภูมิคุ้มกันขึ้นมา แสดงว่า ติดเชื้อนั้นมาแล้ว อย่างน้อย 7-10 วันขึ้นไป
ทำไมถึงเป็น 7-10 วัน ก็เพราะว่า ร่างกายจะใช้เวลาในการสร้างภูมิคุ้มกัน หลังติดเชื้อแล้วประมาณ7-10 วันนั่นเอง แต่กว่าภูมิจะขึ้นสูงในระดับที่ตรวจเจอ อาจจะต้องรอไปเป็น 10-14 วันเลยทีเดียว และในปัจจุบันก็ยังไม่รู้ว่าภูมิคุ้มกันตัวนี้จะอยู่ไปยาวแค่ไหน
การตรวจแบบ Rapid test Antibody
การตรวจแบบนี้เป็นการตรวจเชิงคุณภาพ บอกว่ามีหรือไม่มีภูมิ ก็อาจจะบอกได้ว่าติดเชื้อมาแล้ว เกิน 7-10 วัน ควรจะไปตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR ซ้ำอีกครั้งนะคะถ้าต้องการตรวจว่าติดเชื้อโควิดมาหรือเปล่า การตรวจแบบนี้มีข้อจำกัดอยู่นะคะ
ตรวจได้หลังสัมผัสเชื้อมาแล้ว 10-14 วัน เพราะถ้าเพิ่งเสี่ยงมาหรือติดเชื้อมา ร่างกายอาจจะยังไม่สร้างภูมิต้านทาน หรือสร้างมาแล้ว แต่ยังไม่มากพอ
ในกรณีที่รับวัคซีนมาแล้ว การตรวจแบบนี้จะบอกไม่ได้ว่าเกิดภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อมาเอง หรือจากการรับวัคซีน เพราะฉะนั้นถ้าต้องการตรวจเพื่อเช็คว่าติดเชื้อมาหรือเปล่าหลังรับวัคซีน วิธีนี้ใช้ไม่ได้ค่ะ
การตรวจแบบ #Covid 19 Antibody
เป็นการตรวจเชิงปริมาณ สามารถบอกได้ว่ามีภูมิคุ้มกันมากแค่ไหน ซึ่งนิยมนำมาใช้ในการตรวจหาภูมิหลังมีการรับวัคซีนไปแล้ว แต่ในตอนนี้การตรวจแบบนี้ค่อนข้างอยู่ในวงจำกัด แค่บางโรงพยาบาลเท่านั้น
การตรวจประสิทธิภาพยับยั้งเชื้อโควิด Covid 19 Neutralizing (NT) Antibody
เป็นการตรวจที่บอกประสิทธิภาพการต่อสู้กับเชื้อโควิด หรือยับยั้งเชื้อโควิดเข้าสู่เซลได้กี่เปอร์เซ็น
* เรามาเลือกการตรวจโควิดให้ถูวิธีกันดีกว่านะคะ *