fbpx
เฮลท์แลบ คลินิกเทคนิคการแพทย์ บริการตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ
Follow us :
240417 HIV_AIDs

ความแตกต่างของ เอชไอวี กับ เอดส์

เอชไอวี (HIV) และ เอดส์ (AIDS) มีความแตกต่างกันอย่างไร?

ก่อนที่เราจะทำความรู้จักกับ ยาต้านไวรัส เอชไอวี ประเภทต่าง ๆ เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเชื้อกันก่อนค่ะ  เนื่องจากหลาย ๆ คนมักมีความเชื่อฝังใจว่า เมื่อมีเชื้อ HIV คือ เป็นเอดส์ แท้จริงแล้ว HIV กับ AIDS ต่างกันอย่างไร

เอชไอวี (HIV) คืออะไร?

เอชไอวี (HIV)  เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Human Immunodeficiency Virus ซึ่งเป็นไวรัสไวรัสที่เข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำลายเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น เชื้อเอชไอวีจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันให้ลดลงเรื่อย ๆ แต่การลดลงของระบบภูมิคุ้มกันจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเชื้อ และความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันโรคของผู้ติดเชื้อ ซึ่งระยะนี้จะอยู่ประมาณ 5- 10 ปี

เอดส์ (AIDS) คืออะไร?

เอดส์ (AIDS) คือ คนที่ติดเชื้อเอชไอวีในระยะท้าย ระบบภูมิคุ้มกัน และเม็ดเลือดขาวถูกทำลายจนไม่สามารถต้านทานโรค ถ้าตรวจระดับ CD4 จะพบว่ามักมีจำนวนต่ำกว่า 200 ร่างกายจึงมีโรคแทรกซ้อน หรือโรคฉวยโอกาสได้ง่าย (เชื้อฉวยโอกาสคือ เชื้อโรคทั่วไป ไม่สามารถทำร้ายคนปกติ ภูมิคุ้มกันแข็งแรงได้ แต่พบว่าทำให้ผู้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ติดเชื้อ HIV แล้วไม่ทำการรักษา-กินยา หรือผู้ที่เป็นโรคกลุ่มภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง เช่น SLE ติดเชื้อได้) ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกทำลายเกือบทั้งหมด จนร่างกายไม่สามารถขจัดเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ เราสามารถอธิบายความแตกต่างของเอชไอวีกับโรคเอดส์ได้จาก ระยะอาการและความผิดปกติได้ 3 ระยะดังนี้

          ระยะที่ 1 : ระยะที่ติดเชื้อไวรัสใหม่ ๆ เป็นระยะเริ่มต้นที่ผู้ได้รับเชื้อจะมีอาการป่วยเบื้องต้น และเป็นอาการที่ไม่รุนแรงสามารถหายได้ภายใน 2 – 4 สัปดาห์ เช่น อาการเจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มี ไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย น้ำหนักลดเล็กน้อย ถ่ายอุจจาระเหลว แต่ก็เป็นระยะที่ไวรัสเริ่มแพร่กระจาย

          ระยะที่ 2 : ระยะปรากฏอาการ คนไข้บางรายอาจจะมีอาการเจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต เกิดฝ้าขาวในช่องปากและในลำคอ น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว มีแผลเริมเริ่มลุกลาม เป็นต้น หากมาตรวจในระยะนี้แน่นอนว่าเราสามารถพบเชื้อได้ แต่ในปัจจุบันผู้ติดเอชไอวีในระยะนี้ส่วนใหญ่จะได้รับยาต้านไวรัส ทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตอยู่ในระยะนี้ได้ยาวนาน

          ระยะที่ 3 : ระยะเอดส์ เป็นระยะที่ปริมาณของ CD4 จะต่ำมาก ส่วนใหญ่ต่ำกว่า 200 เซลล์ต่อไมโครลิตร ทำให้มีการติดเชื้อฉวยโอกาส ในอวัยวะสำคัญอย่างรุนแรง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกทำลายเกือบทั้งหมด จนร่างกายไม่สามารถขจัดเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ และจะมีอาการ เช่น วัณโรค เชื้อราขึ้นสมอง ต่อมน้ำเหลืองกระจายทั่วร่างกาย ปอดอักเสบ

แนวทางการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี

หากเราไม่อยากให้เกิดโรค ดังนั้นสิ่งแรกที่เราควรทำคือป้องกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้เรารับเชื้อ หรือป้องกันไม่ให้เชื้อจากเราไปแพร่สู่คนอื่น

  1. ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  2. ใช้ยา PrEP หรือยา PEP ป้องกันการติดเชื้อ
  3. งดการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น กรณีนี้มักพบในผู้ที่เสพยาเสพติดด้วย การฉีดยาเสพติดเข้าเส้น
  4. ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ ควรตรวจร่างกายเป็นประจำ หรือตรวจเลือดก่อนการแต่งงาน
  5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

ดังนั้น ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ไม่จำเป็นจะต้องเป็นโรคเอดส์เสมอไป เอชไอวีเป็นเชื้อไวรัส ส่วนเอดส์เป็นภาวะที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งเป็นหลังจากที่ร่างกายถูกทำร้ายจากไวรัส HIV อีกทีหนึ่ง เราอาจสรุปได้ว่า ระยะที่ 1 และ 2 ของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ยังไม่เรียกว่าเป็นโรคเอดส์ หากตรวจพบว่าติดเชื้อได้เร็วผ่านการตรวจเลือด สามารถรักษาได้ด้วยการทานยาต้านไวรัสค่ะ  และครั้งหน้าแอดมินจะพาไปทำความรู้จักกับยาต้านไวรัสเอชไอวี ประเภทต่าง ๆ กันค่ะ

ติดต่อสอบถาม หรือ นัดหมายได้ที่

มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช
เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
นุชรัตน์เฮลท์แลป สาขา หัวนา

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความยอดนิยม

มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช
เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
นุชรัตน์เฮลท์แลป สาขา หัวนา
เลือกช่องทางนัดหมาย
MAHACHAI TLC MAHACHAI BRANCH
HEALTH LAB HUA HIN BRANCH
NUTRAT HEALTH LAB (HUA NA – SOI 112)
Appointment
HEALTH LAB ON NUT BRANCH

You cannot copy content of this page