การ ตั้งครรภ์ เริ่มมาจากการที่ไข่ได้รับการปฏิสนธิกับสเปิร์ม และตัวอ่อนมาฝังตัวที่ผนังมดลูก หลังจากนั้นจะมีการสร้างฮอร์โมน HCG เกิดขึ้น เราจึงใช้การตรวจเช็กฮอร์โมนตัวนี้บอกว่าคุณตั้งครรภ์หรือไม่                               

การตรวจการ ตั้งครรภ์ จึงเป็นการตรวจวัดระดับฮอร์โมน (HCG) ซึ่งจะเริ่มตรวจพบได้ ประมาณ 6 วันหลังการปฏิสนธิ แต่ระดับฮอร์โมน HCG นั้นจะยังต่ำมาก และจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 12 สัปดาห์  โดยมีวิธีการตรวจอยู่ 3 วิธี ดังนี้นะคะ                                                              

1. ตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์จากปัสสาวะ 

ซึ่งเราสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ และร้านขายยาค่ะ ชุดตรวจการตั้งครรภ์จะตรวจโดยใช้ปัสสาวะ มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบจุ่ม (Test Strip) และ แบบหยด (Pregnancy Test Cassette) ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้มากที่สุดค่ะ เพราะราคาที่ไม่แพง และสะดวกในการใช้งาน       

การแสดงผลของ ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ จะแสดงเป็น แถบขีดสี (ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง) 2 ขีดคือ ผลบวก แสดงว่า มีโอกาสตั้งครรภ์สูง และ ขีดเดียว คือ ผลลบ แสดงว่า ไม่ตั้งครรภ์ แต่การตรวจด้วยวิธีนี้ ควรคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้ด้วยนะคะ

1. ในช่วงแรก 0-6 วันหลังจากปฏิสนธิ ระดับฮอร์โมน HCG ยังต่ำมากจึงมีโอกาสตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ได้นะคะ แนะนำให้ตรวจซ้ำอีกครั้งในอีก 14 วันค่ะ
2. ชุดตรวจการตั้งครรภ์ โดยทั่วไป ตามท้องตลาด จะระบุถึงผลทดสอบที่แม่นยำ โดยเฉลี่ยถูกต้องประมาณ 97% โดยชุดตรวจแต่ละรุ่นของแต่ละยี่ห้อจะมีค่า Sensitivity หรือความไว บอกไว้ เช่น 20 mIU/ml, 50 mIU/ml หรือ 100 mIU/ml ชุดตรวจที่มีความ Sensitive สูง (ค่าตัวเลขต่ำ) จะสามารถตรวจหา HCG ที่ระดับต่ำ ๆ เจอได้ และสามารถให้ผลได้อย่างแม่นยำตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือ7-10 วันหลังไข่ตก ดังนั้นเราจึงควรอ่านข้อมูลบนฉลากชุดตรวจให้ชัดเจนก่อนที่จะซื้อนะคะ
3. “ผลบวกลวง” กรณีที่ผลตรวจขึ้น 2 ขีด ที่แสดงว่า “ตั้งครรภ์” แต่ที่จริงแล้ว “ไม่ได้ตั้งครรภ์”   นั้นมีโอกาสเกิดได้ในกรณีเช่น  แผ่นทดสอบเสื่อมประสิทธิภาพ มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีเลือด หรือมีไข่ขาวในปัสสาวะ  กินยาบางชนิดในระหว่างที่ตรวจ ผู้ที่มีฮอร์โมนผิดปกติ เช่น อ้วนมาก หรือเป็นโรคไทรอยด์                                                                                       
4. “ผลลบลวง” คือกรณีที่ผลตรวจขึ้น 1 ขีด ที่แสดงว่า “ไม่ตั้งครรภ์” แต่ที่จริงแล้ว “ตั้งครรภ์” อาจเกิดจากตรวจในช่วงที่ปัสสาวะเจือจาง ตรวจในช่วงก่อน 6 วันหลังมีการปฏิสนธิ หรือตรวจเร็วเกินไป หรือตรวจตอนท้องเกินกว่า 4 เดือนค่ะ (เป็นข้อจำกัดของชุดตรวจ ในกรณีที่ฮอร์โมนตั้งครรภ์หรือ HCG สูงมาก ๆ อาจได้ผลลบลวงได้)

2. การเจาะเลือดตรวจการตั้งครรภ์ Beta HCG                                                                                        

วิธีนี้เป็นการตรวจที่ได้ผลแม่นยำที่สุดค่ะ สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 10-14 วันหลังจากมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น ในขณะที่บางครั้งการตรวจจากปัสสาวะยังไม่ขึ้นผล แต่ตรวจเลือดก็ได้ผลว่า พบฮอร์โมนการตั้งครรภ์แล้ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจให้รู้แน่ชัด เช่น ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก หรือมีประวัติแท้งบุตร ผู้ที่ต้องการข้อมูลเพื่อวางแผนดูแลการให้ฮอร์โมนเสริมต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแท้งบุตรค่ะ

สำหรับใครที่ต้องการผลที่แม่นยำและง่ายเพราะใช้การเจาะเลือดตรวจ แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีนี้ค่ะ

 3. การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยอัลตร้าซาวด์                                                                                             

การตรวจด้วยวิธีนี้ จะเป็นการตรวจด้วยการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ในช่องท้องและสร้างภาพขึ้นมา ทำการตรวจโดยสูตินรีแพทย์ จะช่วยตรวจดูว่ามีการตั้งครรภ์ไหม และยังบอกตำแหน่งการตั้งครรภ์ว่าอยู่นอกมดลูกหรือไม่ ดูว่ามีถุงน้ำหรือซีสต์ในรังไข่หรือ มดลูกมีก้อนเนื้องอกหรือไม่  เป็นครรภ์แฝดหรือครรภ์เดี่ยว  ตรวจดูภาวะผิดปกติที่อาจเกิดได้ เช่น รกเกาะต่ำ น้ำคร่ำมากหรือน้อยเกินไป และหลัง 4 เดือนไปแล้ว สามารถตรวจเพศของลูก และคัดกรองความพิการได้นะคะ

ดังนั้นการตรวจทั้ง 3 วิธีนี้  มีความสะดวก ความแม่นยำและข้อดีแตกต่างกันไป  แต่ส่วนใหญ่เราจะซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง มาตรวจที่บ้านก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งแนะนำว่าควรตรวจเมื่อประจำเดือนขาด และเลือกชุดตรวจที่มีคุณภาพ จากร้านที่น่าเชื่อถือนะคะ ควรตรวจซ้ำไม่ว่าผลจะเป็นบวกหรือลบ ทั้งนี้เมื่อผลเป็นบวก ควรมาปรึกษาสูตินรีแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อฝากครรภ์ค่ะ รับการดูแลและคำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณแม่และลูกต่อไปค่ะ