fbpx
โรคซิฟิลิส

ซิฟิลิส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ควรมองข้าม

ถ้าพูดถึงโรคติดต่อทางเพศ หลายคนคงไม่ลืมที่จะคิดถึง “ ซิฟิลิส ” โรคนี้หายไปนานหลายปี

ในระยะหลังได้กลับมาระบาดในวงกว้างมากขึ้น ซิฟิลิส ถือว่าเป็น โรคหนองในเทียม อีกชนิดหนึ่ง แต่อาจจะยังไม่รู้ถึงสาเหตุ และความรุนแรงของการเกิดโรคนี้ วันนี้เราจะมาเขียนเรื่องโรคนี้ เพื่อให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกันมากขึ้นนะคะ

โรค ซิฟิลิส (Syphilis)  เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema polidum เกิดได้ที่บริเวณช่องคลอด ทวารหนัก และปาก หากไม่รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ ส่งผลต่อระบบประสาท หัวใจ สมอง ระบบต่าง ๆ ของร่างกาย และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยนะคะ

การติดต่อของโรค สามารถติดต่อผ่านทางปาก เช่น การจูบ ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การทำออรัลเซ็กส์ นอกจากนี้ยังติดต่อจากแม่สู่ลูกในครรภ์ การรับเลือดจากผู้ติดเชื้อ และการสัมผัสแผลผู้ป่วยโดยตรง การสัมผัสแผล หรือเยื่อเมือกของผู้ป่วย

อาการของโรค ซิฟิลิส แบ่งออกเป็น 4 ระยะด้วยกัน

ระยะที่ 1 หรือระยะเป็นแผล มีตุ่มแผลเล็ก ๆ สีแดงขอบนูนแข็ง เรียก แผลริมแข็ง (Chancre) กดไม่เจ็บ ขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ ปาก ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ เยื่อบุตา หรือเยื่อบุช่องคลอดภายใน 3 สัปดาห์หลังติดเชื้อ สามารถหายได้เอง แต่ยังมีเชื้อแฝงอยู่หากไม่ทำการรักษา เตรียมพัฒนาสู่ระยะที่ 2

ระยะที่ 2 หรือระยะออกดอก หลังติดเชื้อ 3-8 สัปดาห์ เป็นระยะที่เชื้อซิฟิลิสแพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองและกระแสเลือดตามอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกายหลายระบบ เกิดรอยโรคลักษณะผื่นราบ ผื่นนูนหนามีสะเก็ด ผื่นชนิดเป็นแผล หรือแผลหลุมกดไม่เจ็บและไม่คัน กระจายตัวทั่วร่างกาย อวัยวะเพศ ฝ่ามือฝ่าเท้า จึงเรียกว่า “ระยะออกดอก” ร่วมกับอาการต่อมน้ำเหลืองโต มีไข้ เจ็บคอ เหนื่อยล้า น้ำหนักลด ปวดข้อ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เชื้อราในปาก ผมร่วงทั่วศีรษะหรือร่วงเป็นหย่อม ๆ ในระยะนี้ หากตรวจเลือด มักมีผลเลือดเป็นบวก จากนั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ หายไปหรือเป็น ๆ หาย ๆ โดยเชื้อจะยังคงแฝงเร้นในร่างกายและจะพัฒนาเข้าสู่ระยะแฝง

ระยะที่ 3 ระยะแฝง หรือ ระยะสงบทางคลินิก เพราะแทบจะไม่แสดงอาการอะไรเลย ต่อให้มีก็จะไม่มาก เป็น ๆ หาย ๆ เป็นระยะที่มีการดำเนินโรคยาวนานที่สุด โดยเชื้อสามารถแฝงในร่างกายได้นานกว่า 20 ปี หากไม่ได้มีการรักษา จะพัฒนาเข้าสู่ระยะที่ 4

ระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้าย เป็นระยะที่เชื้อซิฟิลิสในต่อมน้ำเหลืองและกระแสเลือด เข้าไปทำลายอวัยวะภาย ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของระบบต่าง ๆ เช่น ระบบประสาทและสมอง หัวใจและหลอดเลือด ตับ ตา กระดูกและข้อ จนเสียชีวิตได้

การตรวจวินิจฉัย ซิฟิลิส ปัจจุบันใช้อยู่ 3 วิธีค่ะ

1. การตรวจเลือด เพื่อตรวจหาแอนติบอดี้หรือภูมิคุ้มก้นต่อโรคซิฟิลิสในระยะที่ 1 และ 2 เป็นวิธีที่มีความแม่นยำและทราบผลรวดเร็ว ซึ่งมีการตรวจอยู่ 2 หลักการ

1.1 การตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันที่ไม่เจาะจงต่อเชื้อซิฟิลิส เช่น การตรวจ VDRL หรือ RPR

1.2 การตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันที่เจาะจงต่อเชื้อซิฟิลิส เช่น การตรวจ FTA-ABS, TPHA, TPPA และ ICT

2. การตรวจน้ำไขสันหลัง ผู้ที่มีอาการเข้าข่ายซิฟิลิสในระยะที่ 3 ที่มีอาการทางระบบประสาทและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ แพทย์จะพิจารณาการเจาะน้ำไขสันหลังเพื่อยืนยันโรค

3. การส่องกล้อง Dark-field (Dark-field microscopic test: DF) เพื่อตรวจหาเชื้อซิฟิลิสโดยการเก็บตัวอย่างเซลล์บนผื่นผิวหนัง หรือหนองบริเวณบาดแผลในระยะที่ 1

โรค ซิฟิลิส สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็จริง แต่การไม่ติดเชื้อก็น่าจะดีกว่านะคะ โรคนี้ป้องกันได้ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หากไม่มั่นใจ หรือสวมถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ  รวมถึงการสังเกตอาการ และตรวจคัดกรองเมื่อมีความเสี่ยงนะคะ

ติดต่อสอบถาม หรือ นัดหมายได้ที่

มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช
เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
นุชรัตน์เฮลท์แลป สาขา หัวนา

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความยอดนิยม

มหาชัย ทีแอลซี สาขา มหาชัย
เฮลท์แลป สาขา อ่อนนุช
เฮลท์แลป สาขา หัวหิน
นุชรัตน์เฮลท์แลป สาขา หัวนา
เลือกช่องทางนัดหมาย
MAHACHAI TLC MAHACHAI BRANCH
HEALTH LAB HUA HIN BRANCH
NUTRAT HEALTH LAB (HUA NA – SOI 112)
Appointment
HEALTH LAB ON NUT BRANCH

You cannot copy content of this page