เนื่องจากปีนี้ ไข้เลือดออก ได้ระบาดอย่างหนัก คาดว่าจะมีผู้ป่วยประมาณ 120,000-150,000 ราย และผู้เสียกว่า 100 รายทำให้ต้องสูญเสียค่ารักษาสูงถึงประมาณสองพันล้านบาท
โดยผู้ป่วยโรค ไข้เลือดออก ส่วนใหญ่อยู่ในวัยเรียนและวัยแรงงาน เราจึงอยากหยิบยกเอาประเด็นนี้มาให้ทุกท่านได้อ่าน และทำความเข้าใจเกี่ยวไข้เลือดออกกันอีกครั้ง ซึ่งคงได้ยินหรือได้ฟังกันมาบ้างแล้วนะคะ
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากยุงลาย Aedes aegyti ตัวเมียบินไปกัดคนที่ป่วยเป็นไข้เลือดออก โดยเฉพาะช่วงที่มีไข้สูง เชื้อไวรัสแดงกี่จะเพิ่มจำนวนในตัวยุงประมาณ 8-10 วัน เชื้อไวรัสแดงกี่จะไปที่ผนังกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุง เมื่อยุงกัดคนก็จะแพร่เชื้อสู่คน เชื้อจะอยู่ในร่างกายคนประมาณ 2-7 วัน
ในช่วงที่มีไข้ หากยุงกัดคนในช่วงนี้ก็จะรับเชื้อไวรัสมาแพร่ให้กับคนอื่น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นเด็ก โรคนี้ระบาดในฤดูฝน เพราะเป็นช่วงที่คนอยู่อาศัยในบ้าน ไม่ได้ออกไปข้างนอก ยุงลายชอบออกหากินในเวลากลางวันตามบ้านเรือน และโรงเรียน ชอบวางไข่ตามภาชนะที่มีน้ำขัง เช่นยางรถยนต์ กะลา กระป๋อง จานรองขาตู้กับข้าว แต่ไม่ชอบวางไข่ในท่อน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง หรือน้ำสกปรก จำไว้เลยนะคะทุกคน
ขนิดของเชื้อแดงกีเชื้อไวรัสแดงกี เป็น single strnded RNA ไวรัสมีด้วยกัน 4 ชนิด(serotype) DEN1 DEN2 DEN3 DEN4 ซึ่งมี antigen ร่วมกันบางส่วนทำให้เทื่อเกิดการติดเชื้อชนิดหนึ่ง จะเกิดภูมิคุ้มกันต่อเชื้ออีกชนิดหนึ่ง แต่ภูมิที่เกิดจะอยู่ได้ 6-12 เดือน ส่วนภูมิที่เกิดกับเชื้อที่ป่วยจะมีตลอดชีวิต เช่นหากเป็นไข้เลือดออกจากเชื้อ DEN1 ผู้ป่วยจะมีภูมิต่อเชื้อนี้ตลอดชีวิต แต่จะมีภูมิต่อเชื้อแดงกีชนิดอื่นเพียง 6-12 เดือนเท่านั้นจาการศึกษาพบว่าการติดเชื้อซ้ำ หรือการติดเชื้อครั้งที่สองจะเป็นสาเหตุของโรคแดงกีได้ถึงร้อยละ 80-90
ไข้เลือดออก มีอาการอย่างไร
อาการของไข้เลือดออกไม่จำเพาะ อาการมีได้หลายอย่าง ในเด็กอาจจะมีเพียงอาการไข้และผื่น ในผู้ใหญ่อาจจะมีไข้สูง ปวดศรีษะ ปวดตามตัว ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ หากไม่ได้คิดถึงโรคนี้อาจจะทำให้การรักษาช้า ผู้ป่วยอาจจะสียชีวิต ลักษณะที่สำคัญของไข้เลือกออกคือ
- ไข้สูงเฉียบพลันประมาณ2-7 วัน
- เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดศีรษะ ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน และมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
- บางรายอาจจะมีจุดเลือดสีแดงออกตามลำตัว แขนขา อาจจะใรเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามรายฟัน และถ่านอุจาระดำเนื่องจากเลือดออกในทางเดินอาหาร และอาจจะช็อค
- ในรายที่ช็อคจะสังเกตได้เมื่อไข้ลงผู้ป่วยกลับแย่ลง ซึม มือเท้าเย็น เหงื่อออก หมดสติ และอาจจะเสียชีวิต
ความรุนแรงของโรค
ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไข้เลือดออกแดงกี่ จะต้องมีหลักฐานการรั่วของพลาสมา (มีความเข้มข้นของเลือดหรือ Hct เพิ่มขึ้น 20% หรือมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด หรือในช่องท้อง) และมีเกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000 ความรุนแรงของโรคไข้เลือดออกจัดได้เป็น 4 ระดับ
- Grade 1 ผู้ป่วยไม่ช็อค เป็นไข้เลือดออกโดยที่ไม่มีจุดเลือดออก ทำ touniquet test ให้ผลบวก
- Grade 2 ผู้ป่วยไม่ช็อค มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง มีเลือดกำเดาไหล หรืออาเจียนเป็นเลือด
- Grade 3 ผู้ป่วย่ช็อค มีความดันโลหิตต่ำ ชีพจรเร็ว pulse pressure แคบ เหงื่อออก กระสับกระส่าย
- Grade 4 ผู้ป่วย่ช็อครุนแรง วัดความดันโลหิตไม่ได้
การวินิจฉัยโรค
อาศัยลักษณะทางคลินิกดังกล่าวมาแล้วประกอบกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- การตรวจ CBC ถ้าพบว่ามีการเพิ่มของค่า hematocrit มากกว่าร้อยละ 20 โดยเปรียบเทียบ กับค่า hematocrit ในวันที่รับเข้ารักษาในโรงพยาบาลหรือในระยะฟื้นจากโรคก็ถือได้ว่าผู้ป่วยมีภาวะ plasma leakage พบผู้ป่วยจ านวนน้อยอาจมีอาการซีดและค่า hematocrit ลดลงจากการมี เลือดออกมากหรือจากการมีภาวะ hemolysis จากโรคเลือด
- การตรวจนับเม็ดเลือดนับว่ามีความสำคัญมากในระยะแรกที่ผู้ป่วยมีไข้สูงจำนวนเม็ดเลือดขาวอาจปกติหรือสูงเล็กน้อย อาจพบPMN สูงได้ในตอนท้ายของระยะไข้สูงจำนวนเม็ดเลือดขาวมักลดลง มี lymphocyte และ atypical lymphocyte เพิ่มขึ้น ต่อมาจะพบว่าจำนวนเกร็ดเลือดลดลง ส่วนใหญ่มักต่่ำกว่า 100,000/ลบ.มม. ตามมาด้วยค่า hematocrit ที่เพิ่มขึ้นในกรณีที่มีการรั่วของ plasma การตรวจ
- การทดสอบ touniguet test โดยการใช้เครื่องวัดความดันโลหิต อ่านผลว่าบวกในกรณีที่มีจุด petechiae มากกว่า 10-20 จุด/1ตารางนิ้ว41 พบว่าเป็นวิธีที่ง่าย สะดวก การทดสอบ touniquet test พบว่าให้ผลไม่แตกต่างกันในเด็กและ ผู้ใหญ่ ดังนั้นควรทำในผู้ป่วยทุกรายยกเว้นในรายที่มีจุดเลือดออกแล้วไม่จำเป็นต้องทำและทำติดต่อกันทุกวันจนกว่าจะได้ผลบวกชัดเจนในผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อไวรัสเดงกี่
- การตรวจ ALT/AST ควรทำในผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่สงสัยมีการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ทุกรายโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมากหรือผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีภาวะตับอักเสบร่วมด้วย เพราะจากการศึกษาพบว่ามักตรวจพบค่า ALT/AST ค่อนข้างสูงในผู้ใหญ่และมีผู้ป่วยบางรายเสียชีวิตจากภาวะตับวาย
- ภาพรังสีปอดอาจพบน้้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด ค่าโซเดียมในเลือดต่่ำ และระดับ aspartate transaminase (AST) และ alanine transaminase (ALT) สูงกว่าปกติการแข็งตัวของเลือดมีความผิดปกติ
- วิธีที่นิยมใช้ได้แก่การตรวจโดยวิธีenzyme-linked immunosorbent assay (ELISA) การตรวจโดยวิธีELISA เป็นวิธีที่นิยมใช้มากขึ้นเนื่องจากทำได้ง่ายการตรวจตัวอย่างเพียงครั้งเดียวสามารถวินิจฉัยโรคได้ส่วนใหญ่นิยมตรวจหาแอนติบอดี และอีกวิธีคือ hemagglutination inhibition (HI)
การรักษา
- ไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับโรคไข้เลือดออก การรักเพียงประคับประคองอย่างใกล้ชิดโดยการเฝ้าระวังภาวะช็อค และเลือดออก และการให้สารน้ำอย่างเหมาะสมก็จะทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงต่ำกว่าร้อยละ 1 การให้สารน้้ำและการรักษาตามอาการเป็นหัวใจในการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเดงกี่ ควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปริมาณสารน้้ำที่ให้ผู้ป่วยในระยะ 24-48 ชั่วโมง ซึ่งอาจมีการรั่วของ plasma หลักการให้สารน้้ำที่ส าคัญคือให้ปริมาณน้อยที่สุดซึ่งเพียงพอสำหรับการรักษาระดับการไหลเวียนเลือดของร่างกาย
- พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมาพบแพทย์ด้วยปัญหาเรื่องไข้ซึ่งในกรณีที่แพทย์ไม่ได้คิดถึงโรค นี้โดยเฉพาะในระยะแรกๆของโรคอาจทำให้ให้การรักษาไม่เหมาะสมร่วมทั้งการนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ส่วนใหญ่สามารถหายได้เองภายใน 5-7วัน ดังนั้นการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส เดงกี่โดยทั่วไปมักให้การรักษาตามอาการ เช่น การลดไข้ การให้สารน้้ำทางเส้นเลือดในกรณีที่รับประทานไม่ได้
- หลีกเลี่ยงเรื่องการกระแทกงดการฉีดยาเข้ากล้าม ขณะเดียวกันการทำการผ่าตัดไม่ควรทำโดยไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน การให้ blood transfusion มักให้ในกรณีที่ผู้ป่วยเสียเลือดมากซึ่งพบได้ไม่บ่อย การให้เกร็ดเลือดไม่ควรให้โดยไม่จำเป็น
เมื่อไหร่จะให้กลับบ้าน
- ไม่มีไข้ 24 ชั่วโมงโดยที่ไม่ได้รับยาลดไข้ ผู้ป่วยอยากอาหาร
- ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน
- ความเข้มของเลือดคงที่
- 3 วันหลังจากรักษาภาวะช็อค
- เกร็ดเลือดมากกว่า 50,000
- ไม่มีอาการแน่ท้องหรือแน่หน้าอกจากน้ำในท้องหรือช่องเยื่อหุ้มปอด
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
การผลิตวัคซีนกำลังอยู่ในขั้นพัฒนา แต่มีปัญาเนื่องจากเชื้อมี 4 สายพันธุ์ คาดการณ์ว่าจะสำเร็จและใช้ได้ในอนาคตอันใกล้
วิธีที่จะป้องกันและควบคุมไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการควบคุมการแพร่กระจายของยุงลาย
- กำจัดแหล่งเพราะพันธุ์ยุง เช่น กะละ ยาง กระป๋อง
- หาฝาปิดภาชนะ เช่น โอ่ง ถังน้ำ
- ในแหล่งน้ำสาธารณะอาจจะเลี้ยงปลาเพื่อกินลูกน้ำ หรือใส่สารเคมีเพื่อฆ่าลูกน้ำ
ข้อสำคัญของไข้เลือดออก
- ให้สงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออกในผู้ที่มีไข้เฉียบพลัน ไข้สูง โดยที่ไม่มีอาการของไข้หวัดร่วมกับ มีจุดเลือดออกหรือทำ touniquet test
- หากตับโตจะช่วยสนับสนุนว่าเป็นไข้เลือดออก
- ช่วงที่วิกฤตคือช่วงที่ไข้เริ่มลง หากเกล็ดเลือดต่ำลง ร่วมกับความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้นก่อนไข้ลง ให้สงสัยว่าจะเกิด
- ยาลดไข้ไม่ได้ทำให้ระยะเวลาที่เป็นไข้ลดลง การให้ยาไม่ถูกต้องอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน
- หากเลือดมีความเข้มข้นมากขึ้น 20% แสดงว่ามีการรั่วของพลาสม่า จำเป็นต้องได้รับน้ำเกลืออย่างเหมาะสม แต่การให้น้ำเกลือก่อนที่ จะมีการรั่วของพลาสม่าไม่เกิดประโยชน์
- ภาวะ DSS เกิดจากการรั่งของพลาสม่าทำให้ร่างกายขาดน้ำ ต้องรีบให้น้ำเกลืออย่างรวดเร็ว และอาจจะจำเป็นต้องให้ Dextran 40
- การให้น้ำเกลือจะให้เท่ากับพลาสม่าที่รั่ว โดยดูจากความเข้มของเลือดและปริมาณปัสสาวะที่ออก
- การได้รับน้ำเกลือมากเกินไปอาจจะเกิดน้ำท่วมปอด
- การเกิดภาวะเป็นกรดจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา
สนใจการตรวจสุขภาพสอบถามได้ที่ healthlabclinic หรือ มหาชัยทีแแอลซี